ISO 16890 มาตรฐานการทดสอบและการจัดหมวดหมู่กรองอากาศ

Last updated: 26 มิ.ย. 2568  |  16 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ISO 16890  มาตรฐานการทดสอบและการจัดหมวดหมู่กรองอากาศ

บทความ: ISO 16890 – มาตรฐานการทดสอบและการจัดหมวดหมู่กรองอากาศ

ดร.ศุภชัย  ปัญญาวีร์  อ. ปฏิญญา  จีระพรมงคล  อ. ยศพัทธ์  ธนพงศ์พศิน

บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ คอนเซอร์เวชั่น เทคโนโลยี่ จำกัด

ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2568

                                                                                                                                                              

ISO 16890 เป็นมาตรฐานสากลสำหรับการทดสอบและจัดหมวดหมู่ฟิลเตอร์กรองอากาศ (Air Filters) ในระบบระบายอากาศและปรับอากาศ มาตรฐานนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแทนที่มาตรฐานเก่า เช่น EN 779 โดยมุ่งเน้นการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก (Particulate Matter - PM) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญในการประเมินคุณภาพอากาศ

วัตถุประสงค์ของ ISO 16890

1. เพิ่มความโปร่งใสในการประเมินฟิลเตอร์:

  • ระบุประสิทธิภาพการกรองฝุ่นละอองในช่วงขนาดต่าง ๆ (PM1, PM2.5, และ PM10)


2. ส่งเสริมการเลือกฟิลเตอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน:

  • ให้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการด้านคุณภาพอากาศในแต่ละพื้นที่


3. สนับสนุนการปรับปรุงคุณภาพอากาศ:

  • ช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก


4. สร้างมาตรฐานสากลที่ยอมรับทั่วโลก:

  • ลดความซับซ้อนของมาตรฐานระดับภูมิภาค เช่น EN 779 ในยุโรป หรือ ASHRAE 52.2 ในอเมริกา


ขอบเขตของ ISO 16890

1. ประเภทของฟิลเตอร์ที่ครอบคลุม:

  • ฟิลเตอร์สำหรับระบบระบายอากาศและปรับอากาศในอาคาร เช่น โรงพยาบาล โรงงาน และสำนักงาน


2. การวัดประสิทธิภาพการกรอง:

  • ประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคขนาด PM1 (น้อยกว่า 1 ไมครอน), PM2.5 (น้อยกว่า 2.5 ไมครอน), และ PM10 (น้อยกว่า 10 ไมครอน)


3. การทดสอบในสภาพแวดล้อมจริง:

  • การประเมินฟิลเตอร์ภายใต้เงื่อนไขที่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริง


การจัดหมวดหมู่ของฟิลเตอร์ตาม ISO 16890

      ISO 16890 แบ่งฟิลเตอร์ออกเป็น 4 กลุ่มตามความสามารถในการกรองฝุ่นละออง:

1. ePM1:

  • ฟิลเตอร์ที่สามารถดักจับอนุภาคขนาด PM1 ได้อย่างน้อย 50%
  • เหมาะสำหรับการควบคุมอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ไวรัส และมลพิษจากยานยนต์


2. ePM2.5:

  • ฟิลเตอร์ที่สามารถดักจับอนุภาคขนาด PM2.5 ได้อย่างน้อย 50%
  • ใช้ในพื้นที่ที่ต้องการลดฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มาจากอุตสาหกรรมและยานยนต์


3. ePM10:

  • ฟิลเตอร์ที่สามารถดักจับอนุภาคขนาด PM10 ได้อย่างน้อย 50%
  • เหมาะสำหรับการควบคุมฝุ่นละอองขนาดใหญ่ เช่น ละอองเกสรและฝุ่นในอาคาร


4. Coarse:

  • ฟิลเตอร์ที่มีความสามารถในการกรองฝุ่นละออง PM10 ต่ำกว่า 50%
  • ใช้สำหรับการกรองขั้นต้นในระบบระบายอากาศ


ขั้นตอนการทดสอบตาม ISO 16890

1. การเตรียมฟิลเตอร์:

  • ทำความสะอาดฟิลเตอร์ก่อนเริ่มการทดสอบเพื่อให้ได้ผลที่เป็นกลาง


2. การทดสอบประสิทธิภาพ:

  • ทดสอบความสามารถในการดักจับฝุ่นละอองขนาดต่าง ๆ ภายใต้การไหลของอากาศที่กำหนด


3. การวิเคราะห์ข้อมูล:

  • ประเมินประสิทธิภาพการกรองฝุ่นละออง PM1, PM2.5, และ PM10


4. การจัดหมวดหมู่:

  • จัดหมวดหมู่ฟิลเตอร์ตามค่าประสิทธิภาพที่ได้จากการทดสอบ


ข้อดีของมาตรฐาน ISO 16890

1. ความแม่นยำในการประเมินคุณภาพ:

  • ระบุความสามารถในการกรองฝุ่นละอองได้อย่างละเอียดในช่วงขนาดต่าง ๆ


2. เพิ่มประสิทธิภาพการเลือกฟิลเตอร์:

  • ผู้ใช้งานสามารถเลือกฟิลเตอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการด้านคุณภาพอากาศในแต่ละพื้นที่


3. ส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัย:

  • ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดเล็ก


4. มาตรฐานสากลที่ใช้ได้ทั่วโลก:

  • ลดความซับซ้อนในการเปรียบเทียบฟิลเตอร์ระหว่างผู้ผลิตในภูมิภาคต่าง ๆ


ตัวอย่างการใช้งาน ISO 16890

      กรณีศึกษา:

1. โรงพยาบาล:

  • ใช้ฟิลเตอร์ ePM1 ในระบบระบายอากาศของห้องปลอดเชื้อเพื่อลดการแพร่กระจายของไวรัสและแบคทีเรีย
  • ผลลัพธ์: ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์


2. โรงงานอุตสาหกรรม:

  • ใช้ฟิลเตอร์ ePM2.5 ในพื้นที่การผลิตที่มีฝุ่นละอองจากกระบวนการอุตสาหกรรม
  • ผลลัพธ์: ลดฝุ่นในอากาศและเพิ่มความปลอดภัยในที่ทำงาน


3. อาคารสำนักงาน:

  • ใช้ฟิลเตอร์ ePM10 ในระบบ HVAC เพื่อควบคุมฝุ่นและละอองเกสร
  • ผลลัพธ์: เพิ่มคุณภาพอากาศและความพึงพอใจของพนักงาน


ความท้าทายของ ISO 16890

1. ต้นทุนฟิลเตอร์ที่สูงขึ้น:

  • ฟิลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงอาจมีราคาสูงกว่า


2. การบำรุงรักษา:

  • ฟิลเตอร์ที่มีความละเอียดสูงต้องการการเปลี่ยนและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ


3. การเลือกฟิลเตอร์ที่เหมาะสม:

  • ผู้ใช้งานต้องมีความเข้าใจในค่าประสิทธิภาพและเงื่อนไขการใช้งาน


สรุป

ISO 16890 เป็นมาตรฐานสำคัญที่ช่วยให้การประเมินและจัดหมวดหมู่ฟิลเตอร์กรองอากาศมีความแม่นยำและโปร่งใสมากขึ้น มาตรฐานนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกฟิลเตอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการด้านคุณภาพอากาศ และสนับสนุนการพัฒนาสุขภาพและความปลอดภัยในทุกพื้นที่ การปฏิบัติตามมาตรฐานนี้ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืนในระยะยาว

อ่านต่อได้ที่นี่


 

 




Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้