เรื่องน่ารู้

ISO 14001 เป็นมาตรฐานสากลสำหรับระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental Management System - EMS) ที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินงานของตนอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ มาตรฐานนี้พัฒนาโดยองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO) และได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยมีเป้าหมายหลักคือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนความยั่งยืน

ISO 5801 เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนด แนวทางการทดสอบสมรรถนะของพัดลม (Performance Testing of Fans) เพื่อวัดประสิทธิภาพ การไหลของอากาศ และแรงดันของพัดลมประเภทต่าง ๆ โดยมาตรฐานนี้ใช้เป็นแนวทางสำหรับผู้ผลิต วิศวกร และนักออกแบบระบบระบายอากาศ เพื่อให้มั่นใจว่าพัดลมสามารถทำงานได้ตามข้อกำหนดและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ISO 50002 เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดแนวทางสำหรับการตรวจวิเคราะห์พลังงาน (Energy Audit) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในองค์กร มาตรฐานนี้มุ่งเน้นการวิเคราะห์และประเมินการใช้พลังงานในกระบวนการต่างๆ เพื่อตรวจหาส่วนที่สิ้นเปลืองพลังงาน และเสนอแนะวิธีการลดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ISO 50002 เป็นเครื่องมือสำคัญที่สนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 50001 และช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาระบบการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน

ISO 50001 เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับระบบการจัดการพลังงาน (Energy Management System - EnMS) โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มาตรฐานนี้เหมาะสำหรับทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ISO 50001 สนับสนุนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยองค์กรในเส้นทางสู่ความยั่งยืน

ISO 45001 เป็นมาตรฐานสากลสำหรับระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Occupational Health and Safety Management System - OHSMS) ซึ่งมุ่งเน้นการป้องกันอุบัติเหตุ การเจ็บป่วยจากการทำงาน และการสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพ มาตรฐานนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization - ISO) เพื่อให้ทุกองค์กรสามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานและลดความเสี่ยงในที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ISO 16484 เป็นมาตรฐานสากลที่พัฒนาโดย International Organization for Standardization (ISO) ซึ่งให้แนวทางเกี่ยวกับการออกแบบ การติดตั้ง และการจัดการ ระบบควบคุมและอัตโนมัติของอาคาร (Building Automation and Control Systems - BACS) มาตรฐานนี้ช่วยให้ระบบ BACS ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการประหยัดพลังงาน เพิ่มความสะดวกสบาย และยกระดับความปลอดภัยในอาคาร

ISO 5801 เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนด แนวทางการทดสอบสมรรถนะของพัดลม (Performance Testing of Fans) เพื่อวัดประสิทธิภาพ การไหลของอากาศ และแรงดันของพัดลมประเภทต่าง ๆ โดยมาตรฐานนี้ใช้เป็นแนวทางสำหรับผู้ผลิต วิศวกร และนักออกแบบระบบระบายอากาศ เพื่อให้มั่นใจว่าพัดลมสามารถทำงานได้ตามข้อกำหนดและมีประสิทธิภาพสูงสุด

หม้อไอน้ำ (Boiler) คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ผลิตไอน้ำหรือไอน้ำร้อน เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิต เช่น ในโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล และโรงไฟฟ้า ในปัจจุบัน มีหม้อไอน้ำหลากหลายประเภท หนึ่งในเทคโนโลยีที่ทันสมัยและกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นคือ Once Through Boiler หรือ หม้อไอน้ำแบบไหลผ่านครั้งเดียว ซึ่งมีข้อดีในด้าน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดกะทัดรัด ติดตั้งง่าย และตอบสนองรวดเร็วต่อความต้องการใช้งาน

ในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย ปัญหาบ้านร้อนและค่าไฟฟ้าสูง เป็นสิ่งที่หลายคนต้องเผชิญ วิธีหนึ่งที่สามารถช่วย ลดความร้อนเข้าสู่บ้านและประหยัดพลังงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพคือการใช้ ฉนวน PU (Polyurethane Foam) ฉนวน PU (Polyurethane Foam) เป็นฉนวนที่มีคุณสมบัติเด่นเรื่องการกันความร้อนและการป้องกันเสียงรบกวน ช่วยให้บ้านเย็นขึ้น ลดการใช้เครื่องปรับอากาศ และช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมาก

ระบบผนัง EIFS (Exterior Insulation and Finish System) เป็นระบบฉนวนและตกแต่งภายนอกอาคารที่ช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพพลังงาน และ ความสวยงาม ของอาคาร โดยสามารถช่วยลด การสูญเสียพลังงานความร้อน จากภายในอาคารและช่วยปรับปรุง ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้อย่างดี ระบบนี้เริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายใน ยุโรปและอเมริกาเหนือ และได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายประเทศ ทั่วโลก โดยเฉพาะในอาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม และโครงการก่อสร้างที่ต้องการเพิ่ม ฉนวนกันความร้อนและลดต้นทุนด้านพลังงาน

ประเทศไทยได้จัดทำ แผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2561-2580 (Energy Efficiency Plan: EEP 2018-2037) เพื่อเป็นกรอบนโยบายและแนวทางในการลดการใช้พลังงานในทุกภาคส่วน รวมถึงภาคครัวเรือนและเกษตรกรรม โดยมีเป้าหมายลดความเข้มการใช้พลังงาน (Energy Intensity: EI) ลง 30% ภายในปี 2580 เทียบกับปีฐาน 2553

การพัฒนาพลังงานที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยในอนาคตต้องสอดคล้องกับทรัพยากรธรรมชาติ สภาพภูมิอากาศ และความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การเลือกพลังงานที่เหมาะสมควรคำนึงถึงความมั่นคงทางพลังงาน การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือกจึงเป็นคำตอบที่สำคัญสำหรับประเทศไทยในยุคที่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) มีความจำเป็นอย่างยิ่ง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้