Last updated: 29 มิ.ย. 2568 | 117 จำนวนผู้เข้าชม |
แนวทางการออกแบบและเลือกใช้ระบบปรับอากาศแบบ VRV (Variable Refrigerant Volume) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
ดร.ศุภชัย ปัญญาวีร์ อ. ปฏิญญา จีระพรมงคล อ. อภิวัฒน์ ปิดตะ
บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ คอนเซอร์เวชั่น เทคโนโลยี่ จำกัด
ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2568
บทนำ
ระบบปรับอากาศมีบทบาทสำคัญในอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และอาคารขนาดใหญ่ ระบบที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันคือ VRV (Variable Refrigerant Volume) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า VRF (Variable Refrigerant Flow)
VRV เป็นระบบปรับอากาศที่สามารถควบคุมปริมาณสารทำความเย็นตามโหลดความร้อนที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละโซนของอาคาร ซึ่งช่วยให้ ประหยัดพลังงาน ลดต้นทุนการดำเนินงาน และให้ความสะดวกสบายมากขึ้น
VRV หรือ VRF เป็นระบบปรับอากาศที่สามารถ ปรับปริมาณสารทำความเย็นให้เหมาะสมกับภาระความร้อนในแต่ละโซนของอาคาร โดยใช้ คอมเพรสเซอร์แบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter Compressor) ที่สามารถเปลี่ยนรอบการทำงานตามความต้องการของแต่ละพื้นที่
1. วิเคราะห์ภาระความร้อนของอาคาร (Load Calculation)
ขั้นตอนสำคัญในการออกแบบระบบ VRV
o คำนวณภาระความร้อน (Cooling Load) ของแต่ละโซนในอาคาร
o พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดห้อง จำนวนคน การใช้ไฟฟ้า และการรับแสงแดด
o ใช้ Software วิเคราะห์ภาระความร้อน เช่น Carrier HAP, Trane TRACE 700
2. เลือกขนาดและประเภทของคอมเพรสเซอร์
ประเภทของระบบ VRV
o VRV Heat Pump – ให้ความเย็นหรือความร้อนทั้งระบบ (ใช้ในอาคารสำนักงาน โรงแรม ฯลฯ)
o VRV Heat Recovery – ให้ความเย็นและความร้อนพร้อมกัน (เหมาะสำหรับอาคารที่มีหลายโซน เช่น โรงพยาบาล)
o VRV Water-Cooled – ใช้น้ำหล่อเย็นแทนการใช้พัดลมระบายความร้อน (เหมาะสำหรับตึกสูง)
เลือกคอมเพรสเซอร์ที่เหมาะสม
o พิจารณา EER (Energy Efficiency Ratio) และ SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) เพื่อเลือกเครื่องที่ประหยัดพลังงาน
o เลือกหน่วยภายนอกที่สามารถรองรับจำนวนหน่วยภายในที่ต้องการ
3. ออกแบบการวางท่อสารทำความเย็น (Refrigerant Piping Design)
แนวทางการวางท่อสารทำความเย็นในระบบ VRV
o เลือกขนาดท่อให้เหมาะสมตามระยะทางและโหลดความเย็น
o ติดตั้งฉนวนกันความร้อนเพื่อลดการสูญเสียพลังงาน
o ออกแบบระบบ Branch Selector สำหรับระบบ Heat Recovery
4. เลือกหน่วยภายใน (Indoor Units) ให้เหมาะสม
ประเภทของหน่วยภายในในระบบ VRV
o Cassette Type – เหมาะสำหรับสำนักงาน ร้านค้า โรงแรม
o Ducted Type – เหมาะสำหรับห้องประชุม โรงแรม
o Wall-Mounted Type – เหมาะสำหรับบ้านพักอาศัย
เลือกหน่วยภายในโดยพิจารณา
o ขนาดพื้นที่ใช้งาน และดีไซน์ของอาคาร
o ระดับเสียงรบกวนที่เหมาะสม
5. พิจารณาระบบควบคุมอัจฉริยะ
ระบบควบคุมสำหรับ VRV
o BMS (Building Management System) – ควบคุมผ่านเครือข่ายอาคาร
o Smart Control via Mobile App – ควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
o Sensor-Based Control – ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิและการใช้งาน
1. ประหยัดพลังงานมากกว่าระบบปรับอากาศทั่วไป
o ลดการใช้พลังงานได้ถึง 30-40% เมื่อเทียบกับระบบ Chiller หรือ Split Type
2. ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ
o ระบบ VRV สามารถ ควบคุมอุณหภูมิในแต่ละห้องแยกจากกันได้
3. ติดตั้งง่าย และยืดหยุ่น
o ระบบ VRV ใช้ท่อสารทำความเย็นแทนท่อน้ำเย็น ทำให้ติดตั้งง่ายกว่า Chiller
4. ลดเสียงรบกวน
o คอมเพรสเซอร์ VRV ทำงานเงียบกว่าเครื่องปรับอากาศทั่วไป
1. ต้นทุนเริ่มต้นสูง
o ระบบ VRV มีราคาสูงกว่าระบบปรับอากาศทั่วไป
2. ค่าบำรุงรักษาสูง
o ระบบต้องมีการตรวจเช็คและบำรุงรักษาเป็นระยะ
3. ต้องใช้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญในการติดตั้ง
o การติดตั้งระบบ VRV ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
ระบบปรับอากาศแบบ VRV (Variable Refrigerant Volume) เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับอาคารที่ต้องการความยืดหยุ่น ประหยัดพลังงาน และควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ
26 มิ.ย. 2568