บทความ : มาตรฐานการทดสอบสมรรถนะของเครื่องอัดอากาศ (Air Compressor Performance Testing Standards)

Last updated: 1 ก.ค. 2568  |  3 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บทความ : มาตรฐานการทดสอบสมรรถนะของเครื่องอัดอากาศ (Air Compressor Performance Testing Standards)

บทความ: มาตรฐานการทดสอบสมรรถนะของเครื่องอัดอากาศ (Air Compressor Performance Testing Standards)

ดร.ศุภชัย  ปัญญาวีร์  อ. ปฏิญญา  จีระพรมงคล  อ. ยศพัทธ์  ธนพงษ์พศิน 

บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ คอนเซอร์เวชั่น เทคโนโลยี่ จำกัด

ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2568

                                                                                                                                                               


บทนำ

เครื่องอัดอากาศ (Air Compressor) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพิ่มความดันของอากาศเพื่อใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิต พลังงาน การแพทย์ และระบบปรับอากาศ การทดสอบสมรรถนะของเครื่องอัดอากาศเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจสอบประสิทธิภาพพลังงาน ความสามารถในการผลิตลมอัด และความสอดคล้องกับมาตรฐานสากล การใช้มาตรฐานที่เหมาะสมช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกเครื่องอัดอากาศที่ประหยัดพลังงานและตรงกับความต้องการของกระบวนการผลิต

วัตถุประสงค์ของมาตรฐานการทดสอบสมรรถนะ

1. กำหนดแนวทางในการวัดประสิทธิภาพของเครื่องอัดอากาศ

  • กำหนดวิธีทดสอบอัตราการไหลของลมอัด ความดัน และการใช้พลังงาน

 

2. เปรียบเทียบสมรรถนะของเครื่องอัดอากาศจากผู้ผลิตต่างๆ

  • ทำให้สามารถเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างถูกต้อง

 

3. เพิ่มประสิทธิภาพพลังงานและลดต้นทุนการดำเนินงาน

  • ลดการสูญเสียพลังงานจากเครื่องอัดอากาศที่ไม่มีประสิทธิภาพ

 

4. สนับสนุนความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

  • ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

 

มาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบสมรรถนะของเครื่องอัดอากาศ

1. ISO 1217 – Displacement Compressors: Acceptance Tests

  • เป็นมาตรฐานหลักในการทดสอบสมรรถนะของเครื่องอัดอากาศประเภทลูกสูบ (Reciprocating) และแบบสกรู (Rotary Screw)
  • กำหนดวิธีการวัดอัตราการไหลของลมอัด (FAD – Free Air Delivery)
  • ระบุข้อกำหนดในการวัดการใช้พลังงานไฟฟ้าและประสิทธิภาพของเครื่องอัดอากาศ

 

2. ISO 5389 – Performance Testing of Centrifugal Compressors

  • ใช้สำหรับเครื่องอัดอากาศแบบเทอร์โบ (Centrifugal Compressors)
  • วัดอัตราการไหล แรงดัน และประสิทธิภาพของเครื่องจักร

 

3. ISO 7183 – Air Dryers for Compressed Air

  • เป็นมาตรฐานที่ใช้ทดสอบสมรรถนะของเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer)
  • กำหนดวิธีวัดจุดน้ำค้าง (Dew Point) และอัตราการกำจัดความชื้น

 

4. CAGI PNEUROP PN2C – Standard for Performance Testing

  • เป็นมาตรฐานจาก Compressed Air and Gas Institute (CAGI) ที่ใช้ควบคู่กับ ISO 1217
  • ใช้ในการเปรียบเทียบประสิทธิภาพเครื่องอัดอากาศจากผู้ผลิตต่างๆ

 

5. ASME PTC 10 – Performance Test Code for Compressors

  • เป็นมาตรฐานจาก American Society of Mechanical Engineers (ASME)
  • ใช้ในการทดสอบเครื่องอัดอากาศแบบหมุนเหวี่ยง (Centrifugal) และเครื่องอัดก๊าซ

 

พารามิเตอร์สำคัญที่ใช้ในการทดสอบเครื่องอัดอากาศ

1. อัตราการไหลของอากาศ (Free Air Delivery – FAD)

  • เป็นปริมาณอากาศที่เครื่องสามารถอัดได้ที่ความดันและอุณหภูมิที่กำหนด
  • หน่วยที่ใช้: ลูกบาศก์เมตรต่อนาที (m³/min) หรือ ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที (CFM)

 

2. แรงดันขาออก (Discharge Pressure)

  • วัดความดันของลมอัดที่ออกจากเครื่องอัดอากาศ
  • หน่วยที่ใช้: บาร์ (bar) หรือ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (psi)

 

3. กำลังไฟฟ้าที่ใช้ (Power Consumption)

  • วัดปริมาณพลังงานที่เครื่องอัดอากาศใช้ขณะทำงาน
  • หน่วยที่ใช้: กิโลวัตต์ (kW)

 

4. อัตราการใช้พลังงานต่อปริมาตรอากาศ (Specific Power)

  • ใช้ประเมินประสิทธิภาพของเครื่องอัดอากาศ
  • คำนวณจาก: Specific Power = Power Input (kW) / Free Air Delivery (m³/min) 
  • ยิ่งค่านี้ต่ำ แสดงว่าเครื่องอัดอากาศมีประสิทธิภาพสูง

 

5. ระดับเสียง (Noise Level)

  • วัดระดับเสียงที่เกิดจากเครื่องอัดอากาศ
  • หน่วยที่ใช้: เดซิเบล (dB)

 

ขั้นตอนการทดสอบสมรรถนะเครื่องอัดอากาศตาม ISO 1217

1. การเตรียมอุปกรณ์

  • ติดตั้งเครื่องอัดอากาศในห้องปฏิบัติการที่มีการควบคุมสภาวะอากาศ
  • ใช้อุปกรณ์วัดแรงดัน อัตราการไหล และพลังงานที่ได้มาตรฐาน

 

2. การวัดอัตราการไหลของอากาศ

  • วัดปริมาณอากาศที่ถูกอัดโดยเครื่องที่ระดับแรงดันที่กำหนด

 

3. การวัดการใช้พลังงาน

  • ตรวจสอบว่าพลังงานที่ใช้ตรงกับค่าที่กำหนดไว้ในข้อมูลจำเพาะของผู้ผลิต

 

4. การวัดแรงดันขาออก

  • ตรวจสอบว่าความดันลมอัดที่ปล่อยออกมาเป็นไปตามข้อกำหนด

 

5. การประเมินประสิทธิภาพพลังงาน

  • คำนวณค่าพลังงานที่ใช้ต่อปริมาณลมอัดที่ผลิตได้

 

6. การเปรียบเทียบกับมาตรฐาน

  • นำค่าที่วัดได้ไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดโดย ISO 1217 และ CAGI PNEUROP PN2C

 

ประโยชน์ของการใช้มาตรฐานในการทดสอบเครื่องอัดอากาศ

1. เพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน

  • ลดค่าไฟฟ้าและลดต้นทุนในการดำเนินงาน

 

2. ช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้ออุปกรณ์

  • สามารถเปรียบเทียบสมรรถนะของเครื่องอัดอากาศจากผู้ผลิตต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง

 

3. ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

  • เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

 

4. ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานอุตสาหกรรม

  • หลายประเทศกำหนดให้เครื่องอัดอากาศต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ISO 1217 และ ASME PTC 10

 

ตัวอย่างการใช้งานมาตรฐานในการเลือกเครื่องอัดอากาศ

1. โรงงานผลิตอาหารและยา

  • ต้องใช้ลมอัดที่มีความบริสุทธิ์สูงและมีอัตราการไหลที่เสถียร
  • ใช้มาตรฐาน ISO 1217 และ ISO 7183 ในการตรวจสอบสมรรถนะเครื่อง

 

2. โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

  • ต้องใช้ลมอัดที่มีความชื้นต่ำและปราศจากสิ่งเจือปน
  • ใช้เครื่องอัดอากาศที่ผ่านการทดสอบตาม ISO 1217

 

สรุป

มาตรฐานการทดสอบสมรรถนะของเครื่องอัดอากาศ เช่น ISO 1217, ISO 5389, และ ASME PTC 10 มีความสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพและความสามารถของอุปกรณ์ การปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้ช่วยให้เลือกใช้เครื่องอัดอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง ลดต้นทุนพลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

อ่านต่อได้ที่นี่

 

 






Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้