ISO 16484 มาตรฐานระบบควบคุมและอัตโนมัติของอาคาร (Building Automation and Control Systems - BACS)

Last updated: 28 พ.ย. 2568  |  21 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ISO 16484  มาตรฐานระบบควบคุมและอัตโนมัติของอาคาร (Building Automation and Control Systems - BACS)

บทความ: ISO 16484 – มาตรฐานระบบควบคุมและอัตโนมัติของอาคาร (Building Automation and Control Systems - BACS)
ดร.ศุภชัย  ปัญญาวีร์  อ.ปฏิญญา  จีระพรมงคล  อ.นันฐกานต์  กลิ่นสังข์ 
บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ คอนเซอร์เวชั่น เทคโนโลยี่ จำกัด
ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568

                                                                                                                                                               


ISO 16484 เป็นมาตรฐานสากลที่พัฒนาโดย International Organization for Standardization (ISO) ซึ่งให้แนวทางเกี่ยวกับการออกแบบ การติดตั้ง และการจัดการ ระบบควบคุมและอัตโนมัติของอาคาร (Building Automation and Control Systems - BACS) มาตรฐานนี้ช่วยให้ระบบ BACS ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการประหยัดพลังงาน เพิ่มความสะดวกสบาย และยกระดับความปลอดภัยในอาคาร

วัตถุประสงค์ของ ISO 16484

1.  เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานในอาคาร:
         o   ลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ เช่น HVAC, แสงสว่าง และระบบน้ำร้อน

2.  สร้างมาตรฐานการทำงานของระบบ BACS:
         o   ให้แนวทางในการออกแบบและติดตั้งระบบอัตโนมัติในอาคารที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

3.  เพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบอัตโนมัติ:
         o   ช่วยให้อาคารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของข้อผิดพลาดในระบบ

4.  สนับสนุนความยั่งยืน:
         o   ส่งเสริมการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น

ขอบเขตของ ISO 16484

      ISO 16484 ครอบคลุมระบบ BACS ที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบการทำงานของระบบอาคาร เช่น:
1.  ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ (HVAC):
         o   การควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และการระบายอากาศ

2.  ระบบแสงสว่าง:
         o   การควบคุมและปรับระดับแสงเพื่อเพิ่มความสะดวกและประหยัดพลังงาน

3.  ระบบความปลอดภัย:
         o   การตรวจสอบการเข้าถึง การเฝ้าระวัง และการแจ้งเตือนเหตุการณ์ฉุกเฉิน

4.  ระบบจัดการพลังงาน:
         o   การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานในอาคาร

5.  ระบบอัตโนมัติอื่น ๆ ในอาคาร:
         o   เช่น การควบคุมลิฟต์ ระบบน้ำ และระบบจัดการของเสีย

โครงสร้างของมาตรฐาน ISO 16484

      ISO 16484 แบ่งออกเป็นหลายส่วนที่ครอบคลุมหัวข้อสำคัญ ได้แก่:
      1. ส่วนที่ 1: ภาพรวมทั่วไป (General Overview)
                -   ให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับขอบเขตและจุดประสงค์ของมาตรฐาน
                -   อธิบายถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์และระบบในอาคาร

      2. ส่วนที่ 2: ข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ (Hardware Requirements)
                -    กำหนดข้อกำหนดทางเทคนิคสำหรับอุปกรณ์ในระบบควบคุมอัตโนมัติ
                -    รวมถึงการติดตั้ง การจัดการสภาพแวดล้อม และความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

      3. ส่วนที่ 3: การทำงานของระบบ (Functions)
                 -    ระบุถึงการทำงานพื้นฐานและการทำงานขั้นสูงที่ระบบควรมี
                 -    ครอบคลุมตั้งแต่ระบบควบคุมอุณหภูมิ แสงสว่าง ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัย

      4. ส่วนที่ 4: ข้อกำหนดเฉพาะของแอปพลิเคชัน (Application Specifications)
                -    เน้นที่การนำระบบไปใช้งานในลักษณะเฉพาะ เช่น อาคารพาณิชย์ โรงพยาบาล หรือศูนย์ข้อมูล

      5. ส่วนที่ 5: โปรโตคอลการสื่อสารข้อมูล (Data Communication Protocols)
               -    กำหนดมาตรฐาน BACnet (Building Automation and Control Network) ซึ่งเป็นโปรโตคอลการสื่อสารที่สำคัญสำหรับระบบอัตโนมัติในอาคาร
               -    มุ่งเน้นให้ระบบต่าง ๆ จากผู้ผลิตหลายรายสามารถทำงานร่วมกันได้

      6. ส่วนที่ 6: การทดสอบความสอดคล้องของการสื่อสารข้อมูล (Data Communication Conformance Testing)
               -    ระบุวิธีการทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์สอดคล้องกับมาตรฐาน BACnet
               -    เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการรับรองคุณภาพของผลิตภัณฑ์

      7. ส่วนที่ 7: แนวทางการดำเนินโครงการ (Project Implementation Guidelines)
               -    ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการวางแผน ออกแบบ ติดตั้ง และทดสอบระบบควบคุมอัตโนมัติ
               -    ครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนถึงการส่งมอบโครงการ

      8. ส่วนที่ 8: บริการบนเว็บ (Web Services)
              -    มุ่งเน้นการใช้บริการผ่านเว็บเพื่อการควบคุมและจัดการระบบอัตโนมัติ
              -    รองรับการเชื่อมต่อกับระบบ IT สมัยใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ

ประโยชน์ของระบบ BACS ตาม ISO 16484

      1. ประหยัดพลังงาน
                 -    ลดการใช้พลังงานโดยการปรับระบบ HVAC และแสงสว่างตามความต้องการจริง
                 -    ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของอาคาร

      2. เพิ่มความสะดวกสบาย
                  -    ปรับอุณหภูมิและแสงสว่างโดยอัตโนมัติเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

      3. เสริมสร้างความปลอดภัย
                 -    ระบบสามารถแจ้งเตือนเหตุการณ์ฉุกเฉินและตรวจสอบการเข้าถึงพื้นที่

      4. ลดความซับซ้อนในการจัดการอาคาร
                 -    ระบบรวมข้อมูลจากส่วนต่าง ๆ ของอาคารเข้ามาในแพลตฟอร์มเดียว

      5. สนับสนุนการบำรุงรักษา
                 -    ระบบสามารถตรวจสอบและแจ้งเตือนความผิดปกติของอุปกรณ์เพื่อป้องกันการเสียหาย

ตัวอย่างการใช้งาน ISO 16484

      กรณีศึกษา:

1.  อาคารสำนักงานขนาดใหญ่:
         o   ติดตั้งระบบ BACS เพื่อควบคุม HVAC และแสงสว่าง
         o   ผลลัพธ์: ลดการใช้พลังงานได้ถึง 30%

2.  โรงพยาบาล:
         o   ใช้ระบบ BACS เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิและคุณภาพอากาศในพื้นที่สำคัญ
         o   ผลลัพธ์: เพิ่มความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากร

3.  โรงแรม:
         o   ระบบ BACS ใช้ควบคุมแสงสว่างและระบบระบายอากาศในห้องพักแบบอัตโนมัติ
         o   ผลลัพธ์: เพิ่มความสะดวกสบายและลดค่าไฟฟ้า

แนวทางการนำ ISO 16484 ไปใช้งาน

1.  การประเมินความต้องการของอาคาร:
         o   วิเคราะห์ระบบที่ต้องการควบคุม เช่น HVAC หรือระบบแสงสว่าง

2.  การออกแบบระบบ BACS:
         o   ใช้แนวทางที่กำหนดใน ISO 16484 เพื่อออกแบบระบบที่เหมาะสม

3.  การติดตั้งและทดสอบระบบ:
         o   ติดตั้งอุปกรณ์และตรวจสอบระบบตามข้อกำหนดในมาตรฐาน

4.  การบำรุงรักษาและปรับปรุง:
         o   ใช้ระบบ BACS เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงการทำงานของอุปกรณ์ในระยะยาว

สรุป

ISO 16484 เป็นมาตรฐานที่ช่วยให้การออกแบบและจัดการระบบควบคุมและอัตโนมัติในอาคารมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาตรฐานนี้ช่วยลดการใช้พลังงาน เพิ่มความสะดวกสบาย และเสริมสร้างความปลอดภัยในอาคาร การปฏิบัติตาม ISO 16484 จึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการสร้างอาคารที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในอนาคต

อ่านต่อได้ที่นี่



 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้