Last updated: 26 มิ.ย. 2568 | 30 จำนวนผู้เข้าชม |
บทความ: การประหยัดพลังงานโดยการเปลี่ยนระบบปรับอากาศแบบแยกส่วนเป็นระบบ VRF (Variable Refrigerant Flow)
ดร.ศุภชัย ปัญญาวีร์ อ. ธิปพล ช้างแย้ม อ. มนูญ รุ่งเรือง
บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ คอนเซอร์เวชั่น เทคโนโลยี่ จำกัด
ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2568
ระบบปรับอากาศ เป็นหนึ่งในแหล่งใช้พลังงานหลักในอาคารสำนักงาน บ้านพักอาศัย และอาคารพาณิชย์ การเปลี่ยนจากระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน (Split Type) มาเป็นระบบ VRF (Variable Refrigerant Flow) เป็นแนวทางสำคัญในการประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบปรับอากาศ ระบบ VRF มีความสามารถในการควบคุมการไหลของสารทำความเย็นอย่างแม่นยำ และรองรับการทำงานแบบหลายโซนที่มีความต้องการอุณหภูมิต่างกัน
เปรียบเทียบระหว่างระบบปรับอากาศแบบแยกส่วนและระบบ VRF
คุณลักษณะ | ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน (Split Type) | ระบบ VRF (Variable Refrigerant Flow) |
การทำงาน | หน่วยทำงานแยกอิสระระหว่างคอยล์เย็นและคอยล์ร้อน | ใช้ระบบเดียวในการเชื่อมต่อคอยล์เย็นหลายตัวกับคอยล์ร้อนเดียว |
การควบคุมอุณหภูมิ | ควบคุมได้เฉพาะห้องที่ติดตั้ง | ควบคุมอุณหภูมิในหลายโซนได้อย่างแม่นยำ |
การใช้พลังงาน | ใช้พลังงานคงที่ตามกำลังของคอมเพรสเซอร์ | ใช้พลังงานตามโหลดที่ต้องการด้วยระบบอินเวอร์เตอร์ |
ความยืดหยุ่นในการติดตั้ง | จำกัดการติดตั้งในพื้นที่ขนาดเล็ก | รองรับการติดตั้งในอาคารขนาดใหญ่และหลายชั้น |
ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน | ต่ำถึงปานกลาง | สูงเนื่องจากปรับการทำงานตามความต้องการจริง |
หลักการทำงานของระบบ VRF
1. การปรับปริมาณสารทำความเย็นตามความต้องการ:
ระบบ VRF ใช้เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ในการปรับปริมาณสารทำความเย็น (Refrigerant) ไปยังคอยล์เย็นแต่ละตัวตามโหลดความเย็นที่ต้องการ
2. รองรับการทำงานหลายโซน:
ระบบเดียวสามารถควบคุมอุณหภูมิในหลายโซนที่มีความต้องการแตกต่างกัน
3. การสลับโหมดทำความเย็นและทำความร้อน:
บางรุ่นของระบบ VRF รองรับการทำงานในโหมดทำความเย็นและทำความร้อนพร้อมกัน
ข้อดีของการเปลี่ยนมาใช้ระบบ VR
1. ประหยัดพลังงาน
o ระบบ VRF ปรับกำลังการทำงานของคอมเพรสเซอร์ตามโหลดความเย็นจริง ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น
o ลดค่าไฟฟ้าประมาณ 30-50% เมื่อเทียบกับระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน
2. ความยืดหยุ่นในการติดตั้ง
o รองรับการติดตั้งในอาคารขนาดใหญ่หรืออาคารที่มีพื้นที่จำกัด
o สามารถติดตั้งคอยล์เย็นได้หลายตัวในโซนที่ต้องการ
3. ควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ
o ระบบ VRF สามารถตั้งค่าอุณหภูมิในแต่ละโซนได้อย่างอิสระ
4. ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
o ระบบใช้คอยล์ร้อนร่วมกัน ลดความยุ่งยากในการดูแลรักษา
5. ความเงียบในการทำงาน
o คอมเพรสเซอร์และคอยล์ร้อนออกแบบให้ทำงานเงียบ ลดเสียงรบกวนในอาคาร
ความเหมาะสมของการเปลี่ยนมาใช้ระบบ VRF
1. อาคารสำนักงานและอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่:
o เหมาะสำหรับอาคารที่มีหลายชั้นหรือหลายโซนที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิแยกต่างหาก
2. บ้านพักอาศัยขนาดใหญ่:
o รองรับบ้านที่มีห้องหลายห้องและต้องการความสะดวกในการควบคุมอุณหภูมิ
3. โรงแรมและอาคารที่พักอาศัยรวม:
o ให้ความสะดวกและประหยัดพลังงานในอาคารที่มีห้องพักจำนวนมาก
4. โรงงานหรือศูนย์ข้อมูล:
o เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ
ตัวอย่างการประหยัดพลังงาน
กรณีศึกษา:
o อาคารสำนักงานขนาด 10 ชั้น ใช้ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน (Split Type)
o เปลี่ยนมาใช้ระบบ VRF และติดตั้งอินเวอร์เตอร์
o ลดค่าไฟฟ้าจากระบบปรับอากาศได้ 40%
o ประหยัดค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 1,000,000 บาทต่อปี
ข้อควรพิจารณา
1. ต้นทุนเริ่มต้นสูง:
o ระบบ VRF มีต้นทุนการติดตั้งสูงกว่า แต่สามารถคืนทุนได้จากการประหยัดพลังงานในระยะยาว
2. ความซับซ้อนในการออกแบบ:
o ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและติดตั้งเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน
3. การบำรุงรักษา:
o จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
การเปลี่ยนจากระบบปรับอากาศแบบแยกส่วนเป็นระบบ VRF เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการประหยัดพลังงานในอาคารที่มีหลายโซนหรือพื้นที่ขนาดใหญ่ แม้ต้นทุนการติดตั้งเริ่มต้นจะสูงกว่า แต่การประหยัดพลังงานในระยะยาวและประสิทธิภาพการทำงานที่สูงกว่าทำให้ระบบ VRF เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีนัยสำคัญ
26 มิ.ย. 2568