เทคโนโลยีการประหยัดพลังงานในห้องเย็น (Energy Efficiency Technologies in Cold Storage Room)

Last updated: 27 มิ.ย. 2568  |  11 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เทคโนโลยีการประหยัดพลังงานในห้องเย็น (Energy Efficiency Technologies in Cold Storage Room)

เทคโนโลยีการประหยัดพลังงานในห้องเย็น (Energy Efficiency Technologies in Cold Storage Room)

ดร.ศุภชัย  ปัญญาวีร์  อ. ปฏิญญา  จีระพรมงคล  อ. อภิวัฒน์  ปิดตะ 

บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ คอนเซอร์เวชั่น เทคโนโลยี่ จำกัด

ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2568

                                                                                                                                                               


บทนำ

ห้องเย็น (Cold Storage) เป็นระบบทำความเย็นที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร แช่แข็งสินค้า ยาเวชภัณฑ์ และธุรกิจโลจิสติกส์ห่วงโซ่เย็น (Cold Chain) โดยทั่วไปแล้ว ห้องเย็นมีการใช้พลังงานสูงต่อหน่วยพื้นที่ โดยเฉพาะการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับระบบทำความเย็น

การนำ เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน มาใช้ในห้องเย็นจึงสามารถช่วยลดค่าไฟได้อย่างมาก และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย


  • องค์ประกอบหลักของห้องเย็นที่สิ้นเปลืองพลังงาน

        1.  คอมเพรสเซอร์ (Compressor)
        2.  คอนเดนเซอร์ (Condenser)
        3.  อีวาพอเรเตอร์ (Evaporator)
        4.  ฉนวนผนัง/พื้น/เพดาน
        5.  พัดลมระบายอากาศ
        6.  ระบบควบคุมอุณหภูมิ/ความชื้น
        7.  ประตู/ทางเข้าห้อง


  • เทคโนโลยีประหยัดพลังงานในห้องเย็น

       1.  ใช้ Variable Speed Drive (VSD) กับคอมเพรสเซอร์และพัดลม
           o  ควบคุมรอบการทำงานให้เหมาะสมกับโหลดความเย็น
           o  ลดการใช้พลังงานเมื่อโหลดต่ำ
           o  ประหยัดไฟฟ้าได้ 20–30%

       2. ฉนวนห้องเย็นคุณภาพสูง (High-Performance Insulation)
           o  เลือกใช้ฉนวนชนิด PU (Polyurethane) หรือ PIR (Polyisocyanurate) ที่มีค่าการนำความร้อนต่ำ
           o  ลดการรั่วไหลของความเย็น
           o  ลดภาระงานของระบบทำความเย็น

      3. ใช้ม่านลม / ประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติ
           o  ป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ห้องเย็นขณะเปิดประตู
           o  ลดอากาศร้อนรั่วไหล
           o  ประหยัดไฟฟ้าคอมเพรสเซอร์

      4. ระบบควบคุมอุณหภูมิและ Defrost แบบอัจฉริยะ (Smart Control & Defrost)
           o  ควบคุมการละลายน้ำแข็งเฉพาะเมื่อจำเป็น (Demand Defrost)
           o  ลดการละลายแบบตั้งเวลาโดยไม่จำเป็น
           o  ประหยัดพลังงาน 5–10%

      5. ติดตั้ง Heat Recovery System
           o  นำความร้อนจากคอนเดนเซอร์ไปใช้ในระบบอื่น เช่น อุ่นน้ำ ใช้ในสำนักงาน
           o  ลดการใช้พลังงานในส่วนอื่นๆ ของโรงงาน

      6. ใช้ไฟ LED และเซ็นเซอร์ควบคุมแสงในห้องเย็น
           o  ไฟ LED มีความร้อนต่ำ ประหยัดไฟ และอายุการใช้งานยาว
           o  ใช้ Motion Sensor เปิด-ปิดอัตโนมัติเพื่อไม่ให้เปิดทิ้ง

     7. ตรวจสอบและซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ (Preventive Maintenance)
           o  เช่น ล้างคอยล์คอนเดนเซอร์, เช็ครอยรั่วน้ำยา, ตั้งแรงดันน้ำยาทำความเย็นให้เหมาะสม
           o  เพิ่มประสิทธิภาพ COP และยืดอายุอุปกรณ์

    8. ติดตั้งระบบ Monitoring แบบ Real-Time
           o  ตรวจสอบค่าไฟ อุณหภูมิ ความดัน แบบเรียลไทม์
           o  ควบคุมการใช้พลังงานในช่วง Peak Load
           o  ตรวจสอบจุดที่มีพลังงานสูญเปล่า


  • เปรียบเทียบประสิทธิภาพก่อน-หลังปรับปรุง


  • ผลลัพธ์จากการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน
  • ลดค่าไฟห้องเย็นต่อเดือน 20–40%
  • ยืดอายุอุปกรณ์เครื่องทำความเย็น
  • ลด Carbon Footprint
  • ได้รับการรับรองมาตรฐานพลังงาน เช่น ISO 50001, BEC, LEED

  • สรุป

       การประหยัดพลังงานในห้องเย็นไม่ใช่แค่ "ลดค่าไฟ" แต่เป็นการยกระดับประสิทธิภาพของระบบให้ทำงานได้ คุ้มค่า ควบคุมได้ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

อ่านต่อได้ที่นี่


 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้