ISO 50002 มาตรฐานแนวทางการตรวจวิเคราะห์พลังงานเพื่อประสิทธิภาพการ จัดการพลังงาน

Last updated: 28 พ.ย. 2568  |  8 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ISO 50002  มาตรฐานแนวทางการตรวจวิเคราะห์พลังงานเพื่อประสิทธิภาพการ               จัดการพลังงาน

บทความ: ISO 50002 – มาตรฐานแนวทางการตรวจวิเคราะห์พลังงานเพื่อประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน
ดร.ศุภชัย  ปัญญาวีร์  อ.ปฏิญญา  จีระพรมงคล  อ.นันฐกานต์  กลิ่นสังข์
บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ คอนเซอร์เวชั่น เทคโนโลยี่ จำกัด
ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568

                                                                                                                                                               

ISO 50002 เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดแนวทางสำหรับการตรวจวิเคราะห์พลังงาน (Energy Audit) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในองค์กร มาตรฐานนี้มุ่งเน้นการวิเคราะห์และประเมินการใช้พลังงานในกระบวนการต่างๆ เพื่อตรวจหาส่วนที่สิ้นเปลืองพลังงาน และเสนอแนะวิธีการลดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ISO 50002 เป็นเครื่องมือสำคัญที่สนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 50001 และช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาระบบการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน

ISO 50002 คืออะไร?

ISO 50002 เป็นมาตรฐานที่กำหนดวิธีการและขั้นตอนสำหรับการตรวจวิเคราะห์พลังงานในระบบต่างๆ ขององค์กร เช่น อาคาร โรงงาน เครื่องจักร หรือกระบวนการผลิต โดยมุ่งเน้นการวิเคราะห์การใช้พลังงานที่เกิดขึ้นจริง การตรวจสอบจุดที่สามารถปรับปรุง และการวางแผนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน มาตรฐานนี้เหมาะสำหรับทุกองค์กรที่ต้องการเข้าใจการใช้พลังงานของตนเอง และมองหาโอกาสในการประหยัดพลังงานอย่างเป็นระบบ

วัตถุประสงค์ของ ISO 50002

-   ระบุการใช้พลังงานที่สำคัญ: เพื่อระบุว่าพลังงานถูกใช้ในส่วนใด และส่วนใดที่มีโอกาสลดการใช้พลังงาน
-   ประเมินประสิทธิภาพการใช้พลังงาน: เพื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานหรือเป้าหมายที่กำหนด
-   เสนอแนวทางการปรับปรุง: เพื่อพัฒนาแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
-   สนับสนุนการจัดการพลังงาน: เพื่อเสริมสร้างข้อมูลที่ใช้ในระบบการจัดการพลังงาน เช่น ISO 50001

กระบวนการตรวจวิเคราะห์พลังงานตาม ISO 50002

ISO 50002 กำหนดขั้นตอนที่ชัดเจนสำหรับการตรวจวิเคราะห์พลังงานดังนี้
1. การกำหนดขอบเขตและวัตถุประสงค์
         -   ระบุขอบเขตของการตรวจวิเคราะห์ เช่น พื้นที่ กระบวนการ หรืออุปกรณ์ที่ต้องการวิเคราะห์
         -   กำหนดวัตถุประสงค์ เช่น การลดการใช้พลังงาน 10% หรือการปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการเฉพาะ

2. การรวบรวมข้อมูล
         -   เก็บข้อมูลการใช้พลังงานจากแหล่งต่างๆ เช่น ค่าไฟฟ้า ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ หรือรายงานการใช้พลังงานของอุปกรณ์
         -   รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ชั่วโมงการทำงานของเครื่องจักร หรือการโหลดพลังงานในช่วงเวลาต่างๆ

3. การวิเคราะห์ข้อมูล
        -   วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุจุดที่มีการใช้พลังงานสูง
        -   เปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานหรือค่าพื้นฐาน (Baseline) เพื่อหาโอกาสในการปรับปรุง

4. การระบุโอกาสในการปรับปรุง
       -   ระบุแนวทางการลดการใช้พลังงาน เช่น การเปลี่ยนเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพต่ำ การปรับกระบวนการ หรือการใช้เทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงาน
       -   ประเมินความเป็นไปได้และผลกระทบจากการปรับปรุง เช่น การลดค่าใช้จ่ายหรือการคืนทุน (ROI)

5. การรายงานผล
       -   จัดทำรายงานที่ชัดเจนและครอบคลุม ซึ่งระบุผลการวิเคราะห์พลังงาน ข้อเสนอแนะในการปรับปรุง และแผนการดำเนินงาน
       -   สื่อสารผลการตรวจวิเคราะห์ให้กับผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้อง

ประโยชน์ของ ISO 50002

1.  เข้าใจการใช้พลังงานในองค์กร
     ช่วยให้องค์กรสามารถระบุว่าใช้พลังงานในส่วนใด และส่วนใดที่สามารถลดการใช้พลังงานได้

2.  เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
     เสนอแนะวิธีการปรับปรุงที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการ

3.  ลดต้นทุนพลังงาน
     การลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กร

4.   ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
      การลดการใช้พลังงานช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

5.   สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน
      ช่วยให้องค์กรดำเนินงานในลักษณะที่ยั่งยืน โดยใช้ทรัพยากรพลังงานอย่างคุ้มค่าและรับผิดชอบ

6.  เตรียมความพร้อมสำหรับ ISO 50001
     การตรวจวิเคราะห์พลังงานตาม ISO 50002 เป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนการจัดการพลังงานในระบบ ISO 50001

ความท้าทายของ ISO 50002

    -   การรวบรวมข้อมูลที่เพียงพอ: การเก็บข้อมูลการใช้พลังงานในบางกรณีอาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อน โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่หรือมีระบบที่หลากหลาย
    -   การวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน: การวิเคราะห์การใช้พลังงานในบางกระบวนการอาจต้องการผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือเฉพาะทาง
    -   ต้นทุนการดำเนินการ: การตรวจวิเคราะห์พลังงานต้องใช้งบประมาณสำหรับทีมงาน เครื่องมือ และเวลาที่เหมาะสม
    -   การนำข้อเสนอแนะไปใช้จริง: แม้จะมีข้อเสนอแนะที่ดี แต่การนำไปใช้จริงอาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณและทรัพยากร

ตัวอย่างการนำ ISO 50002 ไปใช้

1.  โรงงานอุตสาหกรรม
     โรงงานสามารถใช้ ISO 50002 เพื่อตรวจสอบการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต เช่น การใช้พลังงานในเครื่องจักร การบำรุงรักษา และการโหลดพลังงานในแต่ละช่วงเวลา

2.  อาคารสำนักงาน
     การตรวจวิเคราะห์พลังงานช่วยระบุโอกาสในการลดการใช้พลังงานในระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ และแสงสว่างในอาคาร

3.  ศูนย์ข้อมูล (Data Centers)
     การตรวจสอบการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์และระบบระบายความร้อน

สรุป

ISO 50002 เป็นมาตรฐานสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถตรวจวิเคราะห์พลังงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ การระบุโอกาสในการปรับปรุงและลดการสิ้นเปลืองพลังงานช่วยให้องค์กรลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การนำ ISO 50002 ไปใช้ไม่เพียงสนับสนุนการปฏิบัติตาม ISO 50001 แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว

อ่านต่อได้ที่นี่

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้