Last updated: 30 ธ.ค. 2568 | 10 จำนวนผู้เข้าชม |
บทความ: การเก็บพลังงาน (Energy Storage) – กุญแจสำคัญสู่อนาคตพลังงานที่ยั่งยืน
ดร.ศุภชัย ปัญญาวีร์ อ.ปฏิญญา จีระพรมงคล อ.นันฐกานต์ กลิ่นสังข์
บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ คอนเซอร์เวชั่น เทคโนโลยี่ จำกัด
ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2568
การเก็บพลังงาน (Energy Storage) เป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานสะอาดและยั่งยืน โดยช่วยเก็บพลังงานส่วนเกินจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อนำไปใช้ในช่วงเวลาที่แหล่งพลังงานเหล่านี้ไม่สามารถผลิตพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง เช่น ในเวลากลางคืนหรือช่วงลมสงบ การเก็บพลังงานช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และสนับสนุนระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความสำคัญของการเก็บพลังงาน
1. สนับสนุนพลังงานหมุนเวียน
แหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ มีลักษณะการผลิตที่ไม่สม่ำเสมอ การเก็บพลังงานช่วยให้พลังงานเหล่านี้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
2. ลดความไม่สมดุลในโครงข่ายไฟฟ้า
การเก็บพลังงานช่วยลดปัญหาความไม่สมดุลระหว่างการผลิตและการใช้พลังงานไฟฟ้าในโครงข่าย
3. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
พลังงานที่ถูกเก็บไว้ในช่วงที่มีการผลิตเกินความต้องการสามารถนำมาใช้ในช่วงที่มีความต้องการสูง (Peak Demand)
4. ลดการปล่อยมลพิษ
การเก็บพลังงานช่วยลดการพึ่งพาโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในช่วงเวลาที่มีความต้องการพลังงานสูง
5. สนับสนุนระบบพลังงานแบบกระจายตัว (Decentralized Energy Systems)
การเก็บพลังงานช่วยให้ครัวเรือนและชุมชนสามารถเก็บและใช้พลังงานของตนเองได้ ส่งเสริมความเป็นอิสระด้านพลังงาน
ประเภทของเทคโนโลยีการเก็บพลังงาน
1. การเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Storage)
o แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion Batteries) ใช้กันอย่างแพร่หลายในยานพาหนะไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา แบตเตอรี่เหล่านี้ยังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นสำหรับการกักเก็บพลังงานในระบบไฟฟ้าเนื่องจากมีความหนาแน่นของพลังงานและประสิทธิภาพสูง
o แบตเตอรี่โซลิดสเตต (Solid-State Batteries) เทคโนโลยีใหม่ที่คาดว่าจะมีความหนาแน่นของพลังงานและความปลอดภัยสูงกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป
o แบตเตอรี่แบบไหล (Flow Batteries) แบตเตอรี่เหล่านี้จะเก็บพลังงานในอิเล็กโทรไลต์เหลวและเป็นที่รู้จักในเรื่องความสามารถในการปรับขนาดและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
o แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด (Lead-Acid Batteries) เป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง มักใช้ในแบตเตอรี่รถยนต์และระบบไฟสำรอง
o แบตเตอรี่นิกเกิล-แคดเมียม และนิกเกิล-เมทัลไฮไดรด์ (Nickel-Cadmium (NiCd) and Nickel-Metal Hydride (NiMH) Batteries) เทคโนโลยีแบตเตอรี่รุ่นเก่าใช้ในแอปพลิเคชันเฉพาะ เช่น การบิน เครื่องมือไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ใช้งานบางประเภท
2. การเก็บพลังงานด้วยกลไก (Mechanical Storage)
o การเก็บพลังงานด้วยพลังน้ำแบบสูบ (Pumped Hydro Storage) น้ำจะถูกสูบไปยังระดับความสูงที่สูงขึ้นในช่วงที่มีความต้องการพลังงานต่ำ และจะถูกปล่อยออกมาเพื่อสร้างไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการสูงสุด
o การเก็บพลังงานด้วยมู่เล่ (Flywheel Energy Storage) พลังงานจลน์จะถูกเก็บไว้ในมวลที่หมุนและสามารถแปลงกลับเป็นพลังงานไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว
o ระบบกักเก็บพลังงานอากาศอัด (Compressed Air Energy Storage (CAES)) ระบบ CAES กักเก็บพลังงานโดยอัดอากาศและเก็บไว้ในถ้ำหรือถังใต้ดิน
o การกักเก็บพลังงานแรงโน้มถ่วง (Gravity Energy Storage) ระบบกักเก็บพลังงานแรงโน้มถ่วงจะกักเก็บพลังงานโดยการยกวัตถุที่มีน้ำหนักมากและปล่อยออกเพื่อสร้างไฟฟ้า
3. การจัดเก็บในรูปความร้อน (Thermal Storage)
o การเก็บความร้อนสัมผัส (Sensible Heat Storage) เป็นการเก็บพลังงานโดยการเพิ่มอุณหภูมิของตัวกลางที่เป็นของแข็งหรือของเหลว ปริมาณพลังงานที่เก็บไว้จะแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของตัวกลาง
o การเก็บความร้อนแฝง (Latent Heat Storage) เป็นการเก็บพลังงานโดยการเปลี่ยนเฟสของวัสดุ เช่น จากของแข็งเป็นของเหลวหรือของเหลวเป็นก๊าซ โดยไม่เปลี่ยนอุณหภูมิ พลังงานจะถูกเก็บไว้ระหว่างการเปลี่ยนเฟสและจะถูกปล่อยออกมาเมื่อวัสดุกลับสู่เฟสเดิม
o การเก็บความร้อนด้วยเทอร์โมเคมี (Thermochemical Storage) เป็นการเก็บพลังงานผ่านปฏิกิริยาเคมี ความร้อนจะถูกเก็บไว้ในรูปแบบของพันธะเคมีและจะถูกปล่อยออกมาเมื่อปฏิกิริยาย้อนกลับ
4. การเก็บความร้อนทางเคมี (Thermochemical Storage)
o ปฏิกิริยาเคมีที่กลับคืนได้ (Reversible Chemical Reactions) ใช้ปฏิกิริยาเคมีที่สามารถกลับคืนได้โดยการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข เช่น อุณหภูมิหรือความดัน ปฏิกิริยาทั่วไป ได้แก่ ปฏิกิริยาก๊าซ-ของแข็งและก๊าซ-ของเหลว
o การวนซ้ำทางเคมี (Chemical Looping) เป็นกระบวนการสองขั้นตอนซึ่งใช้โลหะออกไซด์ในการถ่ายโอนออกซิเจนระหว่างเชื้อเพลิงและสารออกซิไดเซอร์ กระบวนการนี้จับและปลดปล่อยความร้อนในระหว่างปฏิกิริยาการเผาไหม้และปฏิกิริยารีดักชัน
5. ตัวเก็บประจุและซูเปอร์คาปาซิเตอร์ (Capacitors and Supercapacitors)
o อุปกรณ์นี้กักเก็บพลังงานในสนามไฟฟ้าและใช้สำหรับการใช้งานที่ต้องการพลังงานอย่างรวดเร็ว เช่น ในระบบขนส่งบางระบบ
6. การเก็บพลังงานด้วยอากาศอัด (Compressed Air Energy Storage (CAES))
o CAES แบบไดอะแบติก (Diabatic CAES) ใช้แนวทางทั่วไปที่อากาศอัดจะถูกเก็บไว้แล้วให้ความร้อนโดยการเผาไหม้ก๊าซธรรมชาติหรือใช้แหล่งความร้อนภายนอกก่อนการขยายตัวผ่านกังหัน
o CAES แบบอะเดียแบติก (Adiabatic CAES) มุ่งเน้นที่จะเก็บความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการบีบอัดและใช้ในระหว่างช่วงการขยายตัว โดยขจัดหรือลดความต้องการเชื้อเพลิงเพิ่มเติม
o CAES แบบไอโซเทอร์มอล (Isothermal CAES) พยายามรักษาอุณหภูมิคงที่ระหว่างกระบวนการบีบอัดและการขยายตัวโดยการแลกเปลี่ยนความร้อนกับสิ่งแวดล้อมหรือโดยการพ่นน้ำ
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเก็บพลังงาน
1. พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Systems)
o ใช้ร่วมกับแผงโซลาร์เซลล์หรือกังหันลม เพื่อเก็บพลังงานส่วนเกินในช่วงที่มีการผลิตมาก และนำมาใช้ในช่วงที่แหล่งพลังงานเหล่านี้ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้
2. ระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Energy Storage)
o ใช้ในการควบคุมและรักษาความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า
o ลดความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง
3. อุตสาหกรรมและโรงงาน
o ใช้ในการเก็บพลังงานเพื่อสำรองไฟฟ้าในกรณีไฟดับ
o ลดค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาไฟฟ้าราคาสูง (Time-of-Use Tariff)
4. ยานพาหนะไฟฟ้า (Electric Vehicles - EVs)
o แบตเตอรี่ใน EV ไม่เพียงแค่เก็บพลังงานสำหรับการขับขี่ แต่ยังสามารถทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานสำรองให้กับบ้านหรือโครงข่ายไฟฟ้า
5. ครัวเรือนและอาคารพาณิชย์
o เก็บพลังงานที่ผลิตได้จากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์เซลล์ เพื่อใช้ในช่วงเวลาที่ไม่มีแสงแดด
ความท้าทายของเทคโนโลยีการเก็บพลังงาน
1. ต้นทุนการผลิตและติดตั้งสูง
o เทคโนโลยีการเก็บพลังงาน เช่น แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ยังมีต้นทุนที่สูง แม้ว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
2. ข้อจำกัดด้านอายุการใช้งาน
o แบตเตอรี่บางประเภทมีจำนวนรอบการชาร์จ-ปล่อยประจุที่จำกัด
3. การจัดการของเสียและการรีไซเคิล
o การกำจัดหรือรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่หมดอายุอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม
4. ข้อจำกัดด้านความจุพลังงาน
o ระบบเก็บพลังงานบางประเภทอาจไม่สามารถรองรับการใช้งานที่ต้องการพลังงานขนาดใหญ่ได้
5. ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน
o ระบบพลังงานที่ใช้เทคโนโลยีการเก็บพลังงานยังต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ เช่น สถานีชาร์จไฟสำหรับ EV
แนวโน้มในอนาคตของการเก็บพลังงาน
พัฒนาประสิทธิภาพแบตเตอรี่
เทคโนโลยีใหม่ เช่น แบตเตอรี่โซลิดสเตต (Solid-State Battery) และแบตเตอรี่ไหล (Flow Batteries) จะช่วยเพิ่มความจุพลังงานและความปลอดภัย
ลดต้นทุนการผลิต
ด้วยการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการขยายตลาด การเก็บพลังงานจะมีราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น
การผสานเทคโนโลยี AI
การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการจัดการระบบเก็บพลังงานจะเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียพลังงาน
การขยายการใช้งานในระดับท้องถิ่น
ระบบเก็บพลังงานจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบพลังงานท้องถิ่น เช่น ชุมชนพลังงานหมุนเวียน
สรุป
การเก็บพลังงาน (Energy Storage) เป็นกุญแจสำคัญในการสนับสนุนระบบพลังงานสะอาดและยั่งยืน เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแหล่งพลังงานหมุนเวียน แต่ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษและเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในทุกภาคส่วน แม้จะมีความท้าทาย แต่ด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีและการสนับสนุนจากนโยบายระดับโลก การเก็บพลังงานจะกลายเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาพลังงานในอนาคต
