มาตรฐานการประหยัดพลังงาน แนวทางสู่การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

Last updated: 20 ม.ค. 2568  |  59 จำนวนผู้เข้าชม  | 

มาตรฐานการประหยัดพลังงาน  แนวทางสู่การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

บทความ: มาตรฐานการประหยัดพลังงาน – แนวทางสู่การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

ดร.ศุภชัย ปัญญาวีร์, อ.กาญจนาวรรณ์ ปัญญาวีร์, อ.ยศพัทธ์ ธนพงศ์พศิน, อ.อภิวัฒน์ ปิดตะ
บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ คอนเซอร์เวชั่น เทคโนโลยี่ จำกัด

ลงวันที่ 20 มกราคม 2568


   มาตรฐานการประหยัดพลังงานคือ ข้อกำหนดและแนวทางที่จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่จำกัดและลดการปล่อยมลพิษ โดยมาตรฐานเหล่านี้กำหนดวิธีการและเกณฑ์ในการประเมินประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคต่างๆ เช่น อาคาร เครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรม และยานพาหนะ การมีมาตรฐานการประหยัดพลังงานเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยสร้างความยั่งยืนและสนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว



ตัวอย่างมาตรฐานการประหยัดพลังงาน
1. มาตรฐานการประหยัดพลังงานในอาคาร (Building Energy Code)
    อาคารเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ใช้พลังงานสูง โดยเฉพาะในการปรับอากาศและระบบไฟฟ้า มาตรฐานการประหยัดพลังงานในอาคารช่วยกำหนดข้อกำหนดในการออกแบบและก่อสร้างให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การติดตั้งฉนวนกันความร้อน การใช้วัสดุที่ช่วยลดการถ่ายเทความร้อน การใช้แสงธรรมชาติ และการติดตั้งระบบควบคุมไฟฟ้าอัตโนมัติ ข้อกำหนดเหล่านี้มีผลทำให้อาคารสามารถประหยัดพลังงานได้มากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

2. มาตรฐานการประหยัดพลังงานในเครื่องใช้ไฟฟ้า (Energy Efficiency Standards for Appliances)
    เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนและสำนักงานมีการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง มาตรฐานการประหยัดพลังงาน เช่น ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 (Energy Label No.5) เป็นมาตรฐานที่ใช้ในหลายประเทศเพื่อบ่งบอกระดับการใช้พลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยมีการแสดงผลการใช้พลังงานและประสิทธิภาพให้ผู้บริโภคได้พิจารณาเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้พลังงานต่ำที่สุด มาตรฐานนี้ส่งผลให้การใช้พลังงานในครัวเรือนและสำนักงานลดลง และช่วยให้ผู้บริโภคสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาว

3. มาตรฐานการจัดการพลังงาน ISO 50001
    มาตรฐาน ISO 50001 เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดวิธีการบริหารจัดการพลังงานเพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง มาตรฐานนี้เน้นให้ทุกองค์กรสามารถพัฒนาและปรับปรุงระบบการใช้พลังงานในกระบวนการต่างๆ โดยสร้างแผนการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การตรวจสอบและประเมินการใช้พลังงาน การกำหนดเป้าหมายการลดพลังงาน และการตรวจสอบผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น มาตรฐานนี้ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถลดการใช้พลังงานอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

4. มาตรฐานอาคารสีเขียว (Green Building Standards)
    มาตรฐานอาคารสีเขียว เช่น LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) และ WELL Building Standard เป็นมาตรฐานที่กำหนดเกณฑ์ในการออกแบบและก่อสร้างอาคารให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน โดยพิจารณาด้านต่างๆ เช่น การใช้น้ำ การจัดการขยะ การใช้พลังงานหมุนเวียน การระบายอากาศที่ดี และการควบคุมแสงสว่าง ซึ่งอาคารที่ผ่านมาตรฐานเหล่านี้มักจะใช้พลังงานและทรัพยากรน้อยลง และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อผู้ใช้อาคาร

5. มาตรฐานการประหยัดพลังงานในอุตสาหกรรม
    มาตรฐานการประหยัดพลังงานในอุตสาหกรรมเป็นเกณฑ์ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการใช้พลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น การใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ การปรับกระบวนการผลิตให้ลดการใช้พลังงาน และการบริหารจัดการทรัพยากรที่ใช้ในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐานนี้มีความสำคัญอย่างมากในอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานสูง เพราะช่วยลดต้นทุนการผลิตและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก

6. มาตรฐานการประหยัดพลังงานในยานพาหนะ
    ยานพาหนะเป็นแหล่งใช้พลังงานและปล่อยมลพิษมาก มาตรฐานการประหยัดพลังงานสำหรับยานพาหนะ เช่น การกำหนดเกณฑ์การใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอน เช่น มาตรฐาน EURO ซึ่งกำหนดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในรถยนต์และรถบรรทุก การใช้ยานพาหนะที่ประหยัดพลังงานและมีการปล่อยมลพิษต่ำไม่เพียงช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงแต่ยังช่วยลดมลพิษทางอากาศในระยะยาว

ประโยชน์ของมาตรฐานการประหยัดพลังงาน

  • ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว มาตรฐานการประหยัดพลังงานช่วยให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน หรือค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
  • ลดการปล่อยมลพิษและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดการปล่อยมลพิษและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดภาวะโลกร้อน
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน มาตรฐานเหล่านี้ช่วยให้กระบวนการผลิตและการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยลดการหยุดชะงักในการทำงานและเพิ่มกำลังการผลิต
  • สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน มาตรฐานการประหยัดพลังงานช่วยสร้างความยั่งยืนในภาคต่างๆ เช่น การก่อสร้างอาคารที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงาน และการผลิตสินค้าที่ใช้ทรัพยากรน้อยลง
  • สนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียว มาตรฐานการประหยัดพลังงานสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลดีทั้งต่อสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาว

 

ความท้าทายในการนำมาตรฐานการประหยัดพลังงานไปใช้
    แม้ว่ามาตรฐานการประหยัดพลังงานจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีความท้าทายหลายประการ เช่น ต้นทุนการปรับปรุงและการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ การนำมาตรฐานการประหยัดพลังงานไปใช้มักต้องการอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในระบบการผลิตหรือการจัดการ นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของ การขาดความรู้และความเชี่ยวชาญ ซึ่งบางองค์กรอาจต้องจัดฝึกอบรมหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบและปรับปรุงระบบการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป
    มาตรฐานการประหยัดพลังงานเป็นแนวทางที่สำคัญในการสร้างการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ทั้งในภาคอุตสาหกรรม อาคาร เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ และทุกภาคส่วนของสังคม การปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้ช่วยลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่าย ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งนี้แม้ว่าจะมีความท้าทายในการลงทุนและการปรับตัว แต่การปฏิบัติตามมาตรฐานการประหยัดพลังงานเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ทั้งในแง่ของการประหยัดพลังงานและการรักษาสิ่งแวด

 

 
 
 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้